ความเป็น นวัตกร การศึกษา (Educational Innovator)
ความเป็น นวัตกร (Innovator) ทางการศึกษาขั้นพื้นฐานในภาครัฐ:
การศึกษาทฤษฎีฐานราก (Grounded Theory)
วสันต์ สุทธาวาศ : เรียบเรียง
โมเดลประเทศไทย 1.0 ที่เน้นภาคการเกษตร ไปสู่
โมเดลประเทศไทย 2.0 ที่เน้นอุตสาหกรรมเบา
และก้าวสู่ โมเดลประเทศไทย 3.0 ในปัจจุบัน ที่เน้นอุตสาหกรรมหนัก
อย่างไรก็ดี ภายใต้ โมเดลประเทศไทย 3.0 นั้น
นอกจากต้องเผชิญกับกับดักประเทศรายได้ปานกลางแล้ว
เรายังต้องเผชิญกับ กับดักความเหลื่อมล้ำของความมั่งคั่ง
และ กับดักความไม่สมดุลในการพัฒนา
กับดักเหล่านี้เป็นประเด็นที่ท้าทาย.. ในการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ
เพื่อก้าวข้าม ประเทศไทย 3.0 ไปสู่ ประเทศไทย 4.0
ประเทศไทย 4.0 …. ต้องการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจ ไปสู่
Value–Based Economy หรือ เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วย…นวัตกรรม
(บทสัมภาษณ์ ดร. สุวิทย์ เมษินทรีย์, 2016)
หยุดที่ตรงคำว่า “นวัตกรรม” ก่อนนะครับ ด้วยเหตุที่สอดคล้องกับความสนใจของกระผมเกี่ยวกับการสร้างสรรค์นวัตกรรม ที่มุ่งเน้นไปที่ผู้สร้าง… หรือ นวัตกร (Innovator) โดยเฉพาะในมิติด้านการศึกษาที่จะเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาทุนมนุษย์ของประเทศ จึงอยากให้ลองอ่านงานชิ้นนี้ เป็นเบื้องต้น ครับ ซึ่งกระผมได้ใช้ระเบียบวิธีทฤษฎีฐานราก (Grounded Theory) ต่อการทำความเข้าใจความหมายของคำว่า “นวัตกรทางการศึกษาขั้นพื้นฐานในภาครัฐ” และ “อะไร คือ ความเป็นนวัตกรทางการศึกษาขั้นพื้นฐานในภาครัฐ” ซึ่งผลการวิจัยจะสร้างความเข้าใจในปรากฏการณ์และใช้เป็นข้อมูลเพื่อพัฒนาแนวทางสนับสนุนให้เกิดนวัตกรเพิ่มขึ้น ตลอดจนเป็นแนวทางการคัดเลือกบุคคลที่มีแนวโน้มดังกล่าว รวมถึงได้องค์ความรู้ใหม่ ที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยการปฏิบัติงานของบุคลากรในองค์การภาครัฐและองค์การทางการศึกษาของประเทศไทย รวมถึงเป็นรากฐานไปสู่ Education 4.0 และ Thailand 4.0 ต่อไป ดังนี้ครับ
ความหมายของ นวัตกร ทางการศึกษาขั้นพื้นฐานในภาครัฐ
การให้ความหมายของ นวัตกร ทางการศึกษาขั้นพื้นฐานในภาครัฐ เป็นการตีความในแง่ผลการปฏิบัติ โดยพบว่ามีความหมาย คือ ผู้ที่ริเริ่ม ประดิษฐ์คิดค้น สร้างสรรค์ และสนับสนุน ให้เกิดเทคนิควิธีการ รูปแบบ เครื่องมือ กระบวนการ หรือผลงาน ที่เป็นนวัตกรรม สำหรับใช้ในการปฏิบัติงานของตนเอง องค์การ และส่งมอบไปยังระบบการจัดการศึกษา ซึ่งมีประโยชน์ มีคุณค่า และเหมาะสมต่อการพัฒนาและแก้ปัญหาทางการศึกษาขั้นพื้นฐานในภาครัฐ
กล่าวคือ เป็นผู้ที่พร้อมด้วยคุณสมบัติที่เหมาะสม มีความสามารถและทักษะที่จำเป็นต่อการพัฒนา นวัตกรรม (Innovation) และนำมาใช้ในการพัฒนาการปฏิบัติงาน ทำให้เกิดผลผลิตที่มีประโยชน์อย่างยิ่งยวดต่อระบบการศึกษา โดยการปฏิบัติงานนั้นอยู่บนพื้นฐานของความเป็นข้าราชการที่ดี มีใจรักและจิตอาสาในการอุทิศตนเพื่อพัฒนาการศึกษาและประเทศชาติ รวมถึงมีทัศนคติที่ดี เล็งเห็นความสำคัญของการยกระดับคุณภาพการศึกษาและคุณภาพนักเรียน ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจในการพัฒนาการดำเนินงานให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่ยอดเยี่ยม และสร้างสรรค์นวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม
ความเป็น นวัตกร (Innovator) ทางการศึกษาขั้นพื้นฐานในภาครัฐ
จากการศึกษาพบว่า ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางการศึกษาในภาครัฐให้ประสบผลสำเร็จนั้น มีหลักการ ที่สำคัญในระดับบุคคล คือ “ความเป็น นวัตกร ทางการศึกษาขั้นพื้นฐานในภาครัฐ” โดยหลักการดังกล่าวจะนำไปสู่ การสร้างสรรค์นวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการพัฒนาการศึกษาของประเทศ ซึ่งได้ข้อค้นพบ จากการวิจัย 2 ประการ ดังนี้
1. การได้มาซึ่งความเป็น นวัตกร (Innovator) ทางการศึกษาขั้นพื้นฐานในภาครัฐ เป็นรูปแบบและองค์ประกอบ ของกระบวนการที่หล่อหลอมและสนับสนุนให้เกิดคุณลักษณะสำคัญบางประการในระดับบุคคลที่ส่งผลต่อ การเป็นนวัตกรทางการศึกษาขั้นพื้นฐานในภาครัฐ ได้แก่
1.1 การโยกย้าย/เลื่อนตำแหน่งงาน คือ เป็นกระบวนการหลักที่เกิดการเปลี่ยนแปลง ทั้งในระนาบเดียวกันกับตำแหน่งเดิมและการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งที่สูงขึ้น โดยหมุนเวียนเปลี่ยนงานอย่างเป็นระบบและมีความเหมาะสมของคนกับงาน ซึ่งในตำแหน่งงานใหม่นั้นๆ หากมีปัจจัยสนับสนุนที่เหมาะสม ก็จะช่วยเพิ่มและพัฒนาความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ ความชำนาญ ความประพฤติ ทัศนคติ และความรับผิดชอบ ของบุคลากร ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงาน ถือเป็นวงจรที่ทำให้เกิดพลวัตในการพัฒนา สู่ความเป็นนวัตกรทางการศึกษาขั้นพื้นฐานที่มีความต่อเนื่อง
1.2 การได้รับมอบหมายงานที่ท้าทาย เป็นปัจจัยสนับสนุนในการพัฒนาศักยภาพที่สำคัญ กล่าวคือ เป็นการเพิ่มคุณค่าในงานที่ทำ โดยมากลักษณะงานจะมีความสำคัญในระดับนโยบายของกระทรวง ซึ่งบุคลากรจะมีอิสระในการบริหารจัดการและได้เรียนรู้อย่างใกล้ชิดกับผู้มีความสามารถและผู้บริหารระดับสูง ส่งผลให้เกิดความชำนาญในงานที่หลากหลายขึ้น เกิดความรับผิดชอบในงานของตน เกิดความแปลกใหม่ เกิดการพัฒนาและการแสวงหาทักษะความชำนาญที่มากขึ้น ได้พัฒนาสัมพันธภาพและเครือข่ายใหม่ๆ ทั้งภายในและภายนอกองค์การ
1.3 การศึกษาดูงานและฝึกอบรมพัฒนาสมรรถนะ เป็นปัจจัยสนับสนุนในการเปิดโลกทัศน์ ซึ่งจำเป็นต่อบุคลากร ที่จะได้เพิ่มพูนองค์ความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทางด้านการจัดการศึกษาใหม่ๆ เป็นโอกาสในการพัฒนาความรู้ ความสามารถ และทักษะ สร้างความพร้อมในการปฏิบัติงาน อันจะนำไปสู่ การยกมาตรฐานการปฏิบัติงานให้สูงขึ้น
1.4 การพัฒนาทัศนคติและแรงจูงใจ เป็นปัจจัยสนับสนุนให้เกิดแรงกระตุ้นที่จะช่วยดึงศักยภาพของบุคลากรออกมาได้อย่างเต็มที่ โดยต้องทำให้บุคลากรรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าและมีความสำคัญต่อองค์การ เชื่อมั่นในศักยภาพของตน สร้างให้เกิดความภาคภูมิใจในงานด้านการศึกษา สร้างแรงบันดาลใจ และการยอมรับจากเพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชา รวมถึงต้องไม่กลัวการเปลี่ยนแปลง พร้อมเผชิญทุกอุปสรรคและโอกาส ซึ่งนอกจากจะถือเป็นการพัฒนาศักยภาพบุคลากรจากภายในจิตใจแล้ว ยังเป็นการรักษาคนดี คนเก่ง ให้อยู่กับองค์การ ด้วยความผูกผันในองค์การ ผูกพันในงาน ผูกพันในความเป็นบุคลากรทางการศึกษาและข้าราชการ และสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข
1.5 การทบทวนการปฏิบัติงาน เป็นปัจจัยสนับสนุนที่จะช่วยถอดบทเรียนและองค์ความรู้ ที่ได้จากการปฏิบัติงาน มาเป็นข้อมูลเพื่อประยุกต์ใช้ให้สามารถทำงานนั้นและงานอื่นได้ดีขึ้นในครั้งต่อไป โดยต้องทบทวนการปฏิบัติงานอย่างสม่ำเสมอ ทั้งด้านความสำเร็จและปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้ทราบว่าตนเองและองค์การต้องแก้ไข ส่งเสริม พัฒนา อะไรและอย่างไร เพื่อนำมากำหนดเป็นแนวทางการดำเนินงานที่ดีต่อการบรรลุเป้าหมายทางการศึกษา
1.6 การเผชิญกับสิ่งแวดล้อมในองค์การทางการศึกษาภาครัฐ เป็นปัจจัยสนับสนุนที่ ถูกเสริมแรงจากการกระทำของสิ่งแวดล้อมภายในองค์การ เช่น ด้านวัฒนธรรมองค์การ ค่านิยม ที่มีลักษณะเฉพาะตามโครงสร้างองค์การแบบราชการและองค์การด้านการศึกษา รวมถึงด้านเพื่อนร่วมงาน เกี่ยวกับเรื่องของอุปนิสัย ความคิด ทัศนคติ ภูมิหลังในการทำงาน และช่องว่างระหว่างวัย ด้านความพร้อมของเครื่องมือและอุปกรณ์ ในการทำงาน ด้านรูปแบบการดำเนินงาน เป็นต้น ซึ่งจะส่งผลต่อความเป็นนวัตกรทางการศึกษาจาก 2 แง่มุม ที่มีความสุดโต่งของสิ่งแวดล้อม กล่าวคือ สิ่งแวดล้อมที่ยอดเยี่ยมจะเอื้อต่อการสร้างสรรค์และพัฒนานวัตกรรม และอีกแง่มุม คือ สิ่งแวดล้อมที่แย่ก็จะเป็นแรงขับในการสร้างสรรค์และพัฒนานวัตกรรมได้เช่นเดียวกัน
2. คุณลักษณะสำคัญของ นวัตกร (Innovator) ทางการศึกษาขั้นพื้นฐานในภาครัฐ เป็นคุณลักษณะที่พบได้จากบุคคลที่เป็น นวัตกร ทางการศึกษาขั้นพื้นฐานในภาครัฐ โดยผลจากการวิจัยสามารถแบ่งได้เป็น 3 ด้าน ได้แก่
2.1 ด้านความสามารถ เป็นทักษะและความชำนาญในทางปฏิบัติที่จำเป็น ในระดับของ ความเป็น นวัตกร (Innovator) ทางการศึกษาขั้นพื้นฐานในภาครัฐ ประกอบด้วย
– การแสวงหาความรู้ คือ ความสามารถในการรวบรวม ศึกษา ค้นคว้าหาความรู้ และสามารถสร้างความรู้ใหม่เพิ่มเติมได้จากแหล่งต่างๆ แล้วนำมาวิเคราะห์ สังเคราะห์ เป็นแนวทางแก้ไขปัญหาและพัฒนาการศึกษาได้อย่างตรงเป้าประสงค์ จากการได้มาซึ่งองค์ความรู้ที่ไม่หยุดนิ่ง มีความทันสมัย ทันต่อเหตุการณ์ มีคุณภาพและลุ่มลึก
– การระดมทรัพยากร คือ ความสามารถในการรวบรวม เงิน สิ่งของ วัสดุอุปกรณ์ รวมถึงกำลังคนที่มีความรู้ความสามารถที่เกี่ยวข้อง ให้เพียงพอต่อการปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ และเพียงพอต่อ การขับเคลื่อนการพัฒนาการศึกษาได้อย่างต่อเนื่อง
– การมองเห็นปัญหาและโอกาส คือ ความสามารถในการที่ไม่ละเลยปัญหาในทุกมิติ เข้าใจถึงความเชื่อมโยงของปัญหาตั้งแต่ระดับผู้เรียน ผู้สอน โรงเรียน เขตพื้นที่การศึกษา และระดับกระทรวง โดยลงมือปฏิบัติด้วยการมองปัญหานั้นเป็นโอกาสในการแก้ไข พัฒนา และสร้างสรรค์สิ่งใหม่
– การคิดริเริ่มสร้างสรรค์ คือ ความสามารถในการคิดที่มีความแปลกใหม่ คิดนอกกรอบ และหลุดจากการครอบงำทางความคิดขององค์การภาครัฐและองค์การทางการศึกษาเดิมๆ สามารถนำความรู้ทางการศึกษา และความรู้อื่น มาดัดแปลง ผสมผสาน ให้เป็นความคิดที่มีมุมมองใหม่ที่สามารถตอบสนอง ต่อเหตุการณ์หรือปัญหาทางการศึกษาได้ดีขึ้น มีความสร้างสรรค์อย่างรอบด้าน มีคุณค่า และเป็นประโยชน์
– การเสนอ ผลักดัน และทำความคิดให้เป็นจริง คือ ความสามารถในการนำเสนอความคิด ให้เหตุผลที่เป็นที่ยอมรับ และสร้างให้เกิดการเห็นพ้อง เพื่อให้เกิดการสนับสนุนแนวคิดสู่การปฏิบัติจริง ซึ่งถือเป็นความสามารถเชิงพัฒนา ด้วยการเชื่อมโยง ความคิด การปฏิบัติ และผลลัพธ์ ให้เกิดเป็นรูปธรรม
– การสร้างเครือข่าย คือ ความสามารถในการเชื่อมโยงระหว่างบุคคลกับบุคคล หรือระหว่างบุคคลกับกลุ่ม หน่วยงาน ทั้งภายในและภายนอก รวมถึงองค์การทางการศึกษาอื่นและองค์การต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสามารถเชื่อมโยงได้อย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ เพื่อให้เกิดการสนับสนุนการปฏิบัติงาน ให้มีประสิทธิภาพ เข้มแข็ง และยั่งยืน
– การทำงานร่วมกับผู้อื่น คือ ความสามารถในการมีส่วนร่วมกับบุคคลหรือกลุ่มงาน ภายใต้ความสอดคล้องของวัตถุประสงค์ทางการศึกษา เพื่อการปฏิบัติงานร่วมกันทุกฝ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความสุข ราบรื่น หรือเกิดข้อขัดแย้งน้อยที่สุด
– การส่งมอบเชิงวิชาการ คือ ความสามารถในการถ่ายทอดผลผลิตที่ได้การปฏิบัติงาน เช่น รูปแบบการพัฒนา องค์ความรู้ หรือนวัตกรรม เป็นต้น โดยถ่ายทอดได้อย่างมีคุณภาพ มีประสิทธิภาพ และเหมาะสมกับบริบททางการศึกษา ซึ่งต้องมีขั้นตอน ระบบ ระเบียบแบบแผน และมีกระบวนการที่เหมาะสม ทั้งการส่งมอบภายในหน่วยงานและการส่งมอบภายนอก
อ่านต่อ ตอนที่ 2 : คุณลักษณะของ นวัตกร การศึกษา ด้านพฤติกรรม ข้อเสนอแนะ และบทสรุป