ทฤษฎีองค์การ ในศตวรรษที่ 21: The next station of Organization Theory (ตอน 4)
(ตอน 4)
ย้อนอ่าน ทฤษฎีองค์การ ในศตวรรษที่ 21 (ตอน 1)
ย้อนอ่าน ทฤษฎีองค์การ ในศตวรรษที่ 21 (ตอน 2)
ย้อนอ่าน ทฤษฎีองค์การ ในศตวรรษที่ 21 (ตอน 3)
วสันต์ สุทธาวาศ : เรียบเรียง
4th Station – ยุค Post modern Organization Theory
ในทศวรรษที่ 80 และ 90 นั้น เป็นช่วงเวลาแห่งความเปลี่ยนแปลงด้านสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม ที่เห็นได้เด่นชัด อาทิ การผลิตที่เปลี่ยนไปสู่ยุคเศรษฐกิจแบบอุตสาหกรรม เศรษฐกิจเสรีที่พัฒนาไปทั่วโลก บริษัทข้ามชาติทางด้านอุตสาหกรรม และเศรษฐกิจตลาดใหม่ในยุโรปตะวันออก การล่มสลายของระบอบคอมมิวนิสต์ ในยุโรปตะวันออก
รวมถึงประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลกที่ประสบความยากลำบาก ด้านความเจริญเติบโต ด้านเศรษฐกิจและสังคม ปัญหาด้านสงคราม เกิดความรุนแรงในตะวันออกกลาง เช่น สงครามอิรัก-อิหร่าน ความขัดแย้งในเลบานอน และกองทัพอเมริกันเข้าบุกลิเบีย เป็นต้น ทั้งยังเป็นยุคที่มีอัตราการเติบโตของจำนวนประชากรอย่างมากไปทั่วโลก และที่สำคัญคือการเข้าสู่ยุคเทคโนโลยีสารสนเทศ
ด้วยปัจจัยต่างๆ นี้เองที่ส่งผลต่อการพัฒนาแนวคิดให้มองหลายสิ่งหลายอย่างของยุค Modern ในทางตรงข้าม เชื่อว่าสิ่งที่กำหนดไว้ในยุค Modern นั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์สมมติขึ้นมา เป็นการขีดกรอบตัวเองให้มีความคิดที่ยึดติดอยู่กับสิ่งที่ค้นพบจากหลักวิทยาศาสตร์ต่างๆ โดยใช้หลักความเป็นเหตุเป็นผล (Rationality) ที่ทำให้เกิดของค่านิยมของความมีประสิทธิภาพ การใช้โครงสร้างและเทคนิคการบริหาร มาควบคุมมนุษย์ การให้ความสำคัญกับฝ่ายจัดการมากกว่าคนงานทั่วไป การใช้ตัวเลขต่างๆที่เป็นข้อมูลเชิงปริมาณ และความรู้หรือหลักการต่างๆ ที่มาจากความเป็นเหตุเป็นผล
ยุค Post modern จึงให้ความสำคัญในค่านิยมอื่นที่ไม่ได้ถูกขีดกรอบไว้ โดยแสวงหาคำตอบที่อยู่นอกเหนือจากสิ่งที่เกิดขึ้น ให้ความสำคัญในความเป็นมนุษย์ที่ต้องการความอิสระ ปลดปล่อยสิ่งที่ถูกควบคุมไว้โดยโครงสร้างขององค์การและเทคนิคการบริหาร ให้ความสำคัญกับทุกๆ คนทั่วทั้งองค์การและชุมชน มีการให้ความสำคัญที่มากขึ้นกับชนกลุ่มน้อยที่เป็นรองในสังคม ผู้หญิงในสังคม หรือใครก็แล้วแต่ที่เคยด้อยกว่าในยุค Modern ก็สามารถที่จะประกาศวาทกรรม (Discourse) ของตนได้
รวมถึงให้สนใจในวิธีการที่ใช้ข้อมูลเชิงคุณภาพมากกว่าวิธีการเชิงปริมาณที่มีขอบเขตกำหนดไว้ หลักการหลายอย่างนี้เป็นการสนับสนุนวิถีชีวิตของความเป็นประชาธิปไตย (Democracy) ที่สนับสนุนการมีส่วนร่วมของทุกคน นอกจากนั้นในยุคนี้ยังมองทุกอย่างเป็นส่วนๆ ที่กระจายออกไป (Fragmentation) มีการรื้อสร้าง (Deconstruction) มีการใช้ภาษา (Language) เพื่อทำความเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นในความเป็นจริง มีการให้ความสำคัญกับโลกที่ไร้พรมแดน (Globalization) ที่มีการสื่อสารโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) ที่ทำให้เราได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารได้อย่างรวดเร็วและสะดวก ไม่ว่าจะอยู่ส่วนใดของโลก มีการซึมซับวัฒนธรรมนานาชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมของชาติ มีการมองวิถีชีวิตของมนุษย์ที่มีการผสมผสานกันและมีความหลากหลายมากขึ้น
ดังนั้น องค์การในยุคนี้จึงกำลังเข้าสู่ยุคแห่งความสับสนและความไม่แน่นอน จากสภาพแวดล้อม พร้อมๆ กับการพัฒนาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) จนเรียกได้ว่าเป็นยุคแห่งข้อมูลข่าวสาร (Information Age) ซึ่งเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการจัดการองค์การ ส่งผลให้ต้องเผชิญกับความยุ่งยาก ซับซ้อน สร้างผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อองค์การที่ต้องทำความเข้าใจความสัมพันธ์อันสับสนดังกล่าว
จนทำให้นักคิดหลายๆ คนตั้งคำถามต่อการนำความรู้ทางเทคโนโลยีสารสนเทศ เข้ามาปรับใช้ในองค์การ ถึงประโยชน์และผลกระทบ ต่อทั้งองค์การและบุคลากร การจัดโครงสร้างองค์การ การตัดสินใจ การกระจายอำนาจ การจ้างผลิต ฯลฯ ซึ่งสุดท้ายแล้วเราจะใช้ประโยชน์หรือจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศ ให้มีประสิทธิภาพต่อองค์การได้อย่างเหมาะสมหรือไม่ อย่างไร
ภายใต้การแข่งขันทางธุรกิจกันอย่างรุนแรง รวมถึงปัจจัยทางสังคม เศรษฐกิจภายนอก ในทศวรรษที่ 90 เกิดการพยายามแสวงหาเครื่องมือเพื่อความอยู่รอด และพยายามอธิบายปรากฏการณ์ที่เข้ามามีอิทธิพลต่อการปรับตัวขององค์การต่างๆ หนึ่งในแนวคิดที่สั่นสะเทือนวงการบริหารจัดการทั่วโลก ก็คือ แนวคิดการรื้อปรับระบบ (Re engineering) ซึ่งหมายถึง การรื้อโครงสร้างระบบให้เป็นระบบใหม่ที่ดีกว่า การปรับรื้อระบบขององค์การจะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างขององค์การ ออกแบบกิจกรรมการปฏิบัติการเสียใหม่ให้สามารถเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงได้
โดยชี้ให้เห็นถึงการนำเสนอทัศนะที่ชัดเจนในการนำเทคโนโลยีเข้ามีบทบาท ในการเปลี่ยนแปลงและการปรับตัวขององค์การ ซึ่งถือได้ว่ามีประโยชน์อย่างยิ่งยวดต่อทิศทางของการปรับตัวขององค์การ ต่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และกระบวนการแข่งขันทางธุรกิจ โดยพยายามชี้ให้เห็นถึงการนำเทคโนโลยีเข้ามีบทบาทอย่างแท้จริง
ผ่านการนำเสนอปรัชญาใหม่ที่สำคัญ คือ องค์การที่ไม่สามารถเปลี่ยนแนวทางที่ตนคิดเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศได้ จะไม่สามารถทำการรื้อปรับระบบได้ และองค์การที่ถือว่าเทคโนโลยีเป็นเหมือนกับกระบวนการอัตโนมัติ ก็จะไม่สามารถรื้อปรับระบบได้ รวมถึงองค์การที่มองปัญหาต่างๆ ก่อน แล้วค่อยค้นหาทางออกเชิงเทคโนโลยีก็จะไม่สามารถรื้อปรับระบบได้
ดังนั้น แนวคิดในยุค Post modern จากบริบทของที่มาและคุณลักษณะของแนวคิด ได้ทำให้เห็นถึงองค์ประกอบในภาพกว้าง ซึ่งจะนำไปสู่การกำหนดปัจจัย และแนวทางในการพัฒนาวิธีการบริหารจัดการองค์การบนความสลับซับซ้อนของสังคมโลก และสังคมปัจเจก ซึ่งล้วนมีผลกระทบต่อองค์การทั้งทางตรงและทางอ้อม เพราะปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลก ล้วนเป็นสัญญานของการเคลื่อนไหวที่ไม่หยุดนิ่ง
จึงได้พยายามหันมาปะติดปะต่อสิ่งต่างๆ เหล่านี้ เพื่อให้เห็นถึงแบบแผนบางอย่างที่จำเป็นต่อการนำมาตีความและนำไปพัฒนา ทฤษฎีองค์การ ให้เกิดการปรับตัว การพัฒนา และสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้อย่างยั่งยืน บนกระแสที่เชี่ยวกราดของความโกลาหล และคลื่นแห่งโลกาภิวัตน์ที่โหมกระหน่ำ
อ่านต่อ ทฤษฎีองค์การ ในศตวรรษที่ 21 (ตอน 5)